ตลุยเมืองกาจน์ ตามหาตำนานสปูนไทย

สปูนสุธี ชื่อคือตำนาน สำหรับชื่อเรื่องในครั้งนี้ ผมว่านักตกปลาโดยเฉพาะนักตกปลาที่ชื่นชอบการตกปลากระสูบแล้วละก็คงจะมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักสปูนสุธี ตัวผมเองได้มีโอกาสไปเยือนแพน้ำโจน แพของคุณสุธีนี้แหละ เมือตอนต้นปี เพราะผิดหวังจากการที่จะออกไปตกปลาที่จังหวัดพังงา เลยต้องเปลี่ยนแผนจากที่ตั้งใจจะไปทะเล ก็เลยเปลี่ยนมาลงเขื่อนก็ได้ จากการโทรสอบถามเรื่องที่พักที่แพน้ำโจนก่อนเดินทาง 1 วัน ก็ได้รับรายละเอียดของแพและรายละเอียดเรื่องที่พักมาพอสมควร ก็เลยตกลงเปลี่ยนแผนไปเขื่อนศรีนครินทร์และไปพักที่แพน้ำโจนสักคืน

namjone

แพน้ำโจน

ผมออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด ไปถึงตัวเมืองกาญจน์ ประมาณ 7 โมงเช้าเลยถือโอกาสหาอะไรทานที่ด้านหน้าขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี พออิ่มหมีพลีมัน เรียนร้อยแล้วก็เดืนทางต่อ เพื่อจะไปขึ้นเรือที่ท่าเรือของแพ ผมไปถึงก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เอารถไปฝากกับชาวบ้านที่นั้น เพราะที่ท่าเรือมีบริการรับฝากรถอยู่แล้ว ตอนผมไปมีรถที่นำไปฝากไม่มากนัก

ผมจ่ายเงินค่าฝากรถเรียบร้อย ตอนนี้ก็ต้องรอ ๆ และรอแหละครับ เพราะทางพี่คนขับเรือบอกว่าเรือออก 11 โมงครับ และแล้วพี่เค้าก็เดินมากบอกว่าขึ้นเรือได้แล้ว ผมเองไม่รอช้าครับ นำสำภาระขึ้นเรือทันที ผมใช้เวลาในการเดินทางจากท่าเรือจนถึงแพน้ำโจนโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยระหว่างการเดินทางนั้นก็ได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของเขื่อนศรี ไปเรื่อย ๆ มีแอบหลับบ้างนิดหน่อย เมื่อเดินทางมาถึงแพทางแพก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมกับจัดเตรียมอาหารมื้อแรกไว้ให้เรียบร้อย สำหรับเมนูนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเมนูปลาครับ เราทานข้าวเรียบร้อย เราก็รับกุญแจห้องพัก ผมนำสำภาระทั้งหมดเข้าไปเก็บในห้องระหว่างเดินไปนั้น ก็ได้รับคำชักชวนจากน้าสุธี เพื่อออกไปตกปลากระสูบกัน จากนั้นผมก็ได้ล่องแพออกไปตกปลากระสูบ กันที่ถ้ำใต้น้ำ โดยที่ถ้ำนี้อยู่ไม่ไกลจากแพมากนัก ใช้เวลาล่องแพแค่ไม่กี่นาทีก็ไปถึง ตอนล่องแพผมได้เจอกับกลุ่มของพี่บัง โดยที่พี่บังได้ไปพักที่แพอยู่ก่อนแล้ว ก็ได้ออกไปตกปลากระสูบกัน เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปตกปลาที่นี้จริง ๆ อุปกรณ์ทั้งหมดของผมกลับอยู่ที่บ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานี ท้ังหมดเพราะกะจะไปตกปลาทะเล ผมจึงใช้คันเช่าที่ทางแพมีไว้บริการในราคากันเอง ๆ และผมก็ได้ซื้อเหยื่อ สปูนสุธี มา 1 ตัวเพื่อใช้ในการตกปลาในครั้งนี้ กลับมาที่ถ้ำใต้น้ำกันต่อ เมือเราล่องแพมาถึงถ้า เราได้พบกับกลุ่มนักตกปลากลุ่มนึงที่มาพักอยู่กับแพชาวดง ชมดาว มาตกปลาอยู่ที่บริเวณปากถ้ำอยู่แล้ว ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปตกปลาบริเวณปากถ้ได้ ก็เลยเอาแพมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ใกล้ ๆ ถ้ำแล้วก็ตกปลากันไปตามสภาพพื้นที่ตรงนั้นแหละครับ ผมกับกลุ่มของพี่บังไม่ค่อยได้ปลาครับ เพราะเท่าที่ทราบมาคือปลากระสูบจะว่ายน้ำเข้า ๆ ออก ๆ บริเวณปากถ้ำครับ บริเวณอื่ืนจะไม่ค่อยมีตัวครับ เท่าที่ผมดูอีกกลุ่มที่มาก่อนเราได้ปลากระสูบไปหลายตัวเหมือนกัน ผมเองในทริปนี้ไม่เห็นปลาเลยแม้แต่เกล็ดยังไม่ได้มายนครับ ผมตกปลาไปไม่ได้ปลาแต่เหยื่อสิครับ ติดโน่นติดนี้ตลอดแต่ก็ยังดีครับ มีเด็กที่แพคอยช่วยเหลือ ใช้ความสามารถเอาเหยื่อออกมาให้ผมจนได้ ต้องยอมรับครับว่าเค้าเก่งจริง ๆ ที่สำคัญมีความพยายามมากครับ ในที่สุดกลุ่มที่มาก่อนพวกผมก็กลับไปที่แพ เราก็ได้ทีครับเลยเข้าไปตกปลาบริเวณปากถ้ำกับเค้าดูบ้าง แต่ก็ช้าไปครับเพราะว่าปลาไม่กินเหยื่อเสียแล้วเนื่องจากเวลาตอนนี้มันเย็นมากแล้ว ในเมื่อปลาไม่ฉวยเหยื่อเลยเราเลยชักชวนกันกลับมาท่แพน้ำโจน เพื่ออาบน้ำและพักผ่อนตามอัธยาศัยครับ สำหรับแพน้ำโจนเป็นแพที่อยู่ในบริเวณลำคลองงูครับ ถ้าใครชื่นชอบธรรมชาติจริง ๆ ต้องการสำผัสกับธรรมชาติ ต้องบอกว่าที่นี้มีให้คุณครับ แต่ถ้าคุณเป็นคนติดสบายก็ต้องบอกว่าที่แพ เค้าใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมาก ๆ ครับ เพราะที่แพไม่มีไฟฟ้า จะมีก็แต่ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ ซึ่งก็จะปิดเปิดเป็นเวลา ในห้องพักก็ไม่มีไฟนะครับ สำหรับอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ ที่จะหวังเอาไปใช้ไฟที่นั่น ไม่ต้องพกไปนะครับ อย่าให้เหมือนผมที่เอาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คไป พอแบตเตอรี่หมดมันก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่ผมต้องเอาไปไหนต่อไหนด้วยแถมต้องมาบอกตัวเองอีกว่า ผมจะเอามาทำไมเนี่ย…..

ในช่วงค่ำทางแพก็ได้จัดเตรียมอาหารรับรองเราหลายอย่างครับ ที่ชอบมาก ๆ ก็คือปลาทอดครับ อร่อยมาก ๆ ครับ ขอบอก อย่างอื่นก็มีหมูย่างครับอร่อยมาก แล้วก็ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการตกปลากับพี่บังและน้าสุธี ตอนกลางคืนผมก็ได้รับการชักชวนตกปลาที่แพกับกลุ่มของพี่บัง ขอบคุณมากนะครับสำหรับกลุ่มของพี่บัง ใจดีมากครับ มากกันทั้งครอบครัวเลย ขอบคุณทั้งกลุ่มเลยนะครับ กลุ่มของพี่บังนั่งตกปลากระตะ และปลากระแห กันที่แพนั้นแหละครับ ตกกันเก่งมาก ๆ อีกสักพักผมก็ขอตัวไปนอนแล้วละครับ ยังไม่ได้ปลาเหมือนเดิม….

เช้าของอีก ผมตื่่นมาสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นพอสมควร บรรยากาศดีมาก ๆ ครับ และผมก็ได้ไปที่น้ำตกคลองงูครับ ระหว่างล่องแพยนต์นั้นก็ยังสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามมากมาย ได้ไปเดินสำรวจเส้นทางสำรวจธรรมชาติของน้ำตกลำคลองงู ยังคงมีความอุดมสมบรูณ์เป็นอย่างมากครับ แต่ช่วงที่ผมไปนั้นอากาศแห้ง ต้นไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและน้ำตาลซะส่วนมาก จะมีก็แถว ๆ ริมน้ำครับที่ยังคงเชียวสดอยู่ ผมไปก็เอาเบ็ดตกปลาไปด้วยครับ ก็ยังไม่ได้ปลาเหมือนเดิม นี้แหละน่าไปตกปลาแล้วไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมมันก็แห้วแบบนี้แหละครับ แต่ผมเองก็ไม่ได้ซีเรียดอะไรนะครับ เพราะทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้ตั้งใจไปตกปลาอยู่แล้วครับ…หลังจากผมกลับมาจากน้ำตกคลองงูแล้วก็มาอาบน้ำและก็ทาทนอาหารเที่ยงและนั่งเรือกลับมาที่ท่าเรือครับ….สำหรับเรื่องราวก็คงหมดแต่เพียงเท่านี้นะครับ เพราะที่เหลือก็นั่งเรือและขับรถกลับ กทม.ครับ

อ๋อลืมไปตอนกลับผมกลับมาพร้อมกับกลุ่มของพี่บังและน้าสุธี ก็มาด้วยเพราะว่าเค้าจะไปตกปลากันต่อครับ รู้สึกว่าเค้าจะไปตกปลาที่ทะเลตราดกันครับ ผมเองไม่ได้ไปด้วยอยากรู้ผลเหมือนกัน ผลการตกปลาที่ทะเลตราดของกลุ่มพี่บังกับน้าสุธีจะเป็นยังไงบ้าง…

Leave a Reply